ข่าวดีสำหรับมิตรรักนักดื่มและผู้ประกอบการทุกท่าน! ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ในช่วงบ่าย เพราะล่าสุด ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศปลดล็อกกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งสำคัญ มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมนี้ โดยจะเริ่มช่วงทดลองเป็นเวลา 180 วัน งานนี้ใครที่เคยสับสนกับกฎเกณฑ์การขายมาตลอด เตรียมตัวอัปเดตใหม่ให้ไว ซึ่งการปรับเปลี่ยนครั้งนี้มาจากการที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เห็นว่าควรมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน
สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของประกาศในครั้งนี้ คือการเพิ่มช่วงเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงบ่าย โดยที่เวลาการขายหลักยังคงเดิม นั่นคือ 11.00 น. ถึง 14.00 น. (ช่วงเช้าถึงบ่าย) และ 17.00 น. ถึง 24.00 น. (ช่วงเย็นถึงเที่ยงคืน) แต่ได้มีการปลดล็อกให้สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในระหว่างเวลา 14.00 น. ถึง 17.00 น. เพิ่มเติม โดยช่วงเวลาใหม่นี้จะอยู่ในระยะ ทดลอง 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
นอกจากเวลาการขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีเรื่องการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ให้ผู้ประกอบการและนักดื่มได้ทราบ โดยกฎหมายใหม่ได้กำหนดข้อยกเว้นและเงื่อนไขเพื่อให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่า หากมีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก่อนเริ่มต้นเวลาห้ามขาย (เช่น ก่อน 14.00 น. หรือก่อน 24.00 น.) ผู้นั้นยังสามารถบริโภคต่อเนื่องไปได้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มต้นเวลาห้ามขายนั้น
อย่างไรก็ตาม การห้ามขายตามกำหนดเวลาข้างต้น ไม่รวมถึง กรณีการขายในอาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ, การขายในสถานบริการซึ่งเป็นไปตามกำหนดเวลาเปิดปิดตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ, และการขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม ซึ่งสถานที่เหล่านี้ยังคงสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ
การปรับเปลี่ยนกฎหมายนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ ทั้งร้านอาหาร ร้านโชว์ห่วย และร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะผู้ผลิตรายย่อยที่จะได้ขยับขยายเวลาการทำมาหากินให้คล่องตัวยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงช่วงระยะทดลอง 180 วันเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะต้องมีการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นด้านอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ ก่อนที่จะมีการพิจารณาบังคับใช้กฎหมายฉบับถาวรต่อไป ดังนั้น การดื่มอย่างรับผิดชอบ และการไม่ขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราทุกคนสามารถสนุกกับอิสระใหม่นี้ได้อย่างยั่งยืน

